Sunday, July 8, 2012

Market Cap เล็ก หรือ ใหญ่ ดี? ภาค 2

ต่อภาค 2 ครับ
วันนี้ขอลองทำภาพบริษัทใน SET/Mai หลายๆแบบ เผื่อได้ไอเดียอะไรเพิ่มเติม
(ใช้ข้อมูลวันที่ 6/7/12 จาก เวบ richerstock เข้าใจว่าดึงข้อมูลมาจาก เวบของ SET โดยตรง ดังนั้น อาจยังไม่ได้คูณพวก Warrant etc. นะครับ)

เริ่มจาก 10 หลักทรัพย์ที่มี Market Cap สูงสุด (สำหรับกองทุน และคนเงินเยอะ)

ส่วนใหญ่ก็เป็นกิจการชั้นนำของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพลังงาน, Bank, วัสดุก่อสร้าง, อาหาร (CPALL 7-11 ก็ติด 1 ใน 10 แล้วนะครับ PE ก็ค่อนข้างสูงครับ)

มาดู 10 หลักทรัพย์ที่มี Market Cap ต่ำสุดกันบ้าง

ดูกลุ่มนี้แล้ว รู้จักน้อยมาก ที่พอรู้บ้างก็มี CAWOW (บริษัท แคลิฟอร์เนีย ว้าว!!) กำลังปรับปรุงกิจการกันอยู่ ซื้อขายไม่ได้นะครับ และพอไป Scan ดูจาก เวบของ SET รู้สึกว่าจะคล้ายๆ กันหมดคือ ปรับปรุงผลการดำเนินงาน
ต่อไปลองดูสัดส่วนบริษัท แบ่งตาม Market Cap (ที่ผมคิดเอง เออเอง จากคราวที่แล้ว)

ทีผม Highlight ไว้ก็คือ 80% ของ Market Cap. ทั้ง SET+Mai ซึ่งมีจำนวนบริษัท เพียง 7% เท่านั้น (หากคิดง่ายๆ ก็คือ SET50) ดูเหมือนเม็ดเงินส่วนใหญ่ ซึ่งก็คือกองทุน และต่างชาติ ลงอยู่ที่บริษัทในกลุ่มนี้ โดยหากคิดคร่าวๆ ดูเหมือนจะมีคนเล่นเยอะอยู่แล้ว รายย่อยอย่างเราจะไปสู้เค้า คงยากนะครับ (แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีโอกาส โอกาสอาจน้อยหน่อย)

แถมท้ายด้วยบริษัทที่ Market Cap. < 1,000 MB เรียงตาม PE Ratio กันซักหน่อย (หากตาม Magic Formula ก็ต้องดูพวก PE และ ROE ประกอบกัน) และที่สำคัญต้องดูรายละเอียดเพิ่มเติม ระวังพวกที่มี "E" หรือ Earning ผิดปกติครับ


จริงๆ มีทำไว้อีกเยอะเลยครับ ไว้มีโอกาสจะมาต่อครับ

ปล. อย่างไรก็ตาม Market Cap ก็อาจเป็นเพียงป้ายราคา ที่อาจมีขึ้น-ลง ได้ตามแต่นายตลาด หรือ Mr.Market จะเสนอราคามาให้ในแต่ละวัน ซึ่งหากจะว่าไปแล้ว ผู้ลงทุนควรพิจารณาเลือกลงทุนตามความรู้ที่ตนเองมีเป็นสำคัญครับ Market Cap คงเป็นประเด็นรองลงมา

No comments:

Post a Comment