ตัวร้านตั้งอยู่ชั้นใต้ดิน ของห้าง ใจกลางเมือง ซึ่งเมืองที่ผมไปก็ถือว่าเป็นเมืองเล็กๆ ในจีน
แต่ห้างหรู ที่ขายแต่ของแบรนด์เนม หรูหรา และ ราคาพอๆกับในไทยทีเดียว
จะมีก็แต่ชั้นใต้ดินของห้าง ที่มีสินค้าที่ราคาพอซื้อหาได้หน่อย
*รูปร้าน Miniso จาก website พอดี shop เพลิน ไม่ได้ถ่ายรูปร้านมา แต่สไตล์ประมาณนี้หล่ะ
จริงๆ แล้วชั้นใต้ดินของห้างนี้ ก็มีร้านสไตล์ร้าน 100 เยน อยู่หลายร้านเหมือนกัน
แต่สิ่งที่ทำให้ร้าน Miniso ดูเตะตาก็คือ กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น
เริ่มตั้งแต่ Logo ร้าน, การตกแต่งร้าน, การจัดวางสินค้า, และที่สำคัญก็คือ ตัวสินค้าเอง
ซึ่งร้าน Miniso เป็นร้านขายสินค้าจำพวก Lifestyle trend
ที่มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 10 หยวน (ประมาณ 55 บาท)
และสูงสุดน่าจะไม่ประมาณ 100 หยวน (550 บาท)
ซึ่งตัวสินค้าเองก็มีรูปแบบการ Design แบบ Minimalist คือ เรียบง่าย แต่มี Style
ที่มากไปกว่านั้นก็คือ ที่ป้ายราคาสินค้า มีราคาที่เป็นเงินเยน กำกับอยู่ด้วย เทียบกับเงินหยวน ให้ดูเลย
ลองดู ตย. ป้ายราคา (เป็นหมอนหนุนคอ)
ซึ่งพอเราเห็นว่าสินค้าขายที่ญี่ปุ่นด้วย
สมองก็เกิดสั่งการให้เกิดความเชื่อมั่นในตัวสินค้าขึ้นมานิดๆ
ประกอบกับราคาสินค้า ก็ไม่ได้แพงมาก
(บางชิ้นเข้าขั้นราคาถูก เทียบกับสินค้าจีน ที่นำเข้ามาขายในไทย)
ก็เลยจัดไปหลายอย่างเหมือนกัน
ที่ชอบใจก็ Rubic ลื่นมากๆ อันละ 50 บาท (ในไทยลื่นๆ แบบนี้ขายแพงมาก น่าจะหลายร้อย)
พวกอุปกรณ์อิเลกทรอนิคส์ เช่น power bank ก็ซื้อมาเหมือนกัน ราคาประมาณ 400 บาท 8000 mAh
(ต้องรอดูว่าใช้ได้นานแค่ไหน)
และในร้าน ยังขายสินค้า อื่นๆ อีกมาก ทั้งพวกเครื่องสำอาง, และข้าวของเครื่องใช้สไตล์ร้าน 100 เยน
พอกลับมาไทย เลยลอง Search หาข้อมูลร้านดู (คิดน่าจะมาเปิดในไทยบ้าง)
ก็พบความจริง เกี่ยวกับกลยุทธ์ ของร้าน Miniso กันแบบถึงแก่นเลยทีเดียว
ร้านนี้เขาใช้กลยุทธ์ แบบจีน ขนานแท้ คือ การ "Copy and Paste" นั่นเอง
และ Miniso ได้ทำเหนือกว่านั้นไปอีก 1 Step คือ สินค้าจีนโดยทั่วไปจะ Copy แค่รูปแบบสินค้า
แต่ Miniso copy วิธีการ มาทั้งยวงทีเดียว เริ่มตั้งแต่
1. Logo ทำให้นึกถึง Uniqlo ขึ้นมาทันที (ตอนอยู่จีน นึกไม่ถึง Uniqlo แค่รู้สึกว่า Logo คุ้นๆ)
2. Ambient store ก็ เรียบง่าย Style Uniqlo + Muji
3. ชื่อร้าน Miniso หากดูตัวอักษรจีน มี blogger ท่านนึง อ้างอิงว่ามาจาก Uniqlo, Muji, และ Daiso
4. Pricing strategy ก็ตามแนว Daiso เลย แต่เริ่ม ที่ 10 หยวน ให้ซื้อหาง่าย
5. Product Quality ที่ผมยังชอบร้านนี้อยู่ คือ คุณภาพสินค้า ยังถือว่า OK และหากเทียบกับราคา ถือว่าดีเลย
ซึ่งสินค้าทุกวันนี้ตามที่รู้ๆกัน มันก็ Made in China แทบจะทุกอย่างอยู่แล้ว
แต่กลยุทธ์ ที่ทำให้รู้สึกแย่ ก็คือ การระบุราคาสินค้าเป็นเงินเยน เอาไว้ในป้ายราคานี่หล่ะ
หลอกกันซื่อๆ ว่าคุณซื้อสินค้าที่ขายที่ญี่ปุ่น และได้ราคา discount ด้วยนะ
โดยรวมก็ต้องนับว่า เจ้าของ ช่างมีความกล้าหาญจริงๆ สำหรับกลยุทธ์ต่างๆ
อ่านประวัติก็บอกว่าผู้ร่วมก่อตั้ง Miniso เป็นชาวญี่ปุ่น มาร่วมหุ้นกับนักธุรกิจชาวจีน
ก่อตั้งปี 2011 ใน website ก็อ้างว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี สาขาเยอะมาก (เป็น 1000 สาขา)
แต่อ่านจากข่าว หลายๆ แหล่ง สรุปว่าไม่มีสาขาที่ญี่ปุ่นนะ
แถมล่าสุดยังออกข่าวว่าจะเปิดสาขาใน Singapore และ Dubai
คงต้องรอดูว่าจะหมู่ หรือจ่า และจะมาเปิดร้านในไทยด้วยรึเปล่านะครับ
ปล.
1. จริงๆ แล้ว คุยกับเพื่อนชาวจีน บอกว่า คนจีน ก็ชื่นชมคุณภาพสินค้าของญี่ปุ่นอย่างมาก
อาจทำให้กลยุทธ์การสร้างกลิ่นอายความเป็นสินค้าที่ส่งไปขายที่ญี่ปุ่น ประสบความสำเร็จได้ดีในจีนหล่ะมั้ง
ถึงแม้คนจีนและญี่ปุ่นจะมีความแค้นกันมานาน โดยเฉพาะจากเหตุการณ์ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
2. หากคนที่เคยไปงาน กวางโจวเทรดแฟร์ ก็จะพอรู้ว่า ต้นทุนการผลิตสินค้าในจีนนั้นถูกมากๆ
ตัวอย่างเช่น ผ้าม่าน ในห้องน้ำ ก็ต้นทุนการผลิตไม่เกินชิ้นละ 1 หยวน ก็ประมาณ 5 บาท
(พิมพ์ไม่ผิด ราคาถูกมาก แต่ต้องซื้อ 1,000 ชิ้นขั้นต่ำนะ)
ที่แพงก็พวกค่าขนส่ง ค่าบริหารจัดการอื่นๆ
ซึ่งการขายในราคาที่ 10 หยวน ก็ยังมีกำไรแน่ๆ (มากด้วย) หากขายได้ volume เยอะๆ
No comments:
Post a Comment