ผ่านพ้นวันเกิด คณะ อันเป็นที่รักไปแล้ว
เลยอยากเขียนบันทึกเกี่ยวกับเรื่องราวช่วง 4 ปี ที่เรียนปริญญาตรี เก็บเอาไว้
จริงๆ เพื่อไว้ย้อนกลับมามองในภายหลัง
และที่สำคัญคือ เพื่อเป็นจุดเปลี่ยนให้ก้าวเดินต่อไปตามฝันได้สำเร็จ...
ขอเริ่มเลยนะครับผม
สอบติด วิศวะ จุฬาฯ
โอ้ สอบติดแล้ว...จริงๆ แล้ว รอดมาได้เพราะภาษาอังกฤษ กับ GPA เลยนะเนี่ย
ดีใจจังได้เข้าคณะในฝัน ^^ (ฝันอยากเป็น วิศวกร เครื่องกล มันเท่ห์ดี...ไม่รู้ว่าเท่ห์ ยังไงเหมือนกัน รู้แต่ว่ามันเท่ห์ดี...อิอิ)
ปล..เลือก ไป 2 คณะ คือ วิศวะ จุฬาฯ กับ วิศวะการบิน ม.เกษตรฯ (เผื่อได้เป็นนักบินอวกาศ ฮา...)
Freshy
เข้าปีหนึ่ง ก็มุ่งมั่นเต็มที่ ตั้งใจว่า จะเข้าเรียนให้ครบทุกวิชา แต่เนื่องจากบ้านไกลไปหน่อย (บ้านอยู่แถวเจริญกรุง ไกลกับ จุฬาฯ มาก...) จริงๆ แล้วเพราะความเกียจคร้าน เข้าเรียนบ้าง ไม่เข้าเรียนบ้าง
ปรากฎผลสอบ วิชาแรก (มั้ง) คือ Physics
ได้ผล....
ตก Mean!!!
OMG อยู่มัธยม เคยแต่เกือบเต็ม
เข้ามหาลัยปุ๊บ ก็จัดตก Mean เลย (คะแนนเต็ม 100 Mean ประมาณ 33 หรือ 36 นี่แหล่ะ)
เป็นไปได้ไงเนี่ย ?!#$%#!
หลังจากนั้นก็กลับตัวกลับใจ ตั้งใจเรียนเพิ่มขึ้น ผลสุดท้าย ก็ได้เกินความคาดหมาย...
เราก็แอบภูมิใจว่าเรียนโรงเรียนวัด มาแต่ก็ทำคะแนนดีๆ ได้อ่ะนะ (ดีใจจริง)
จริงๆ หลังจากตก Mean วิชา Physics เป็นจุดเปลี่ยนแรก ทำให้เราได้พบความจริงอันโหดร้ายว่า ตัวเรามันก็ไม่ได้ฉลาด IQ เยอะซักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงต้องขยันให้มาก
จุดเรียนรู้ในปี 1 ก็คือ ขยันให้มากเข้าไว้
คำขวัญประจำใจก็คือ "คนที่ไม่เคยเข้าเรียน ไม่เคยเรียนรู้อะไรเลย จะมาสู้คนที่เข้าเรียน+ตั้งใจเรียนรู้ ได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้เลย นอกจากคนๆ นั้น มันอัจฉริยะส่งมาเกิดจริงๆ" และ "หากเรารู้ว่าสู้เขาไม่ได้ ก็ต้องขยันให้มากกว่าซัก 2 เท่า"
ชีวิตการเรียนในปี 1 ก็ผ่านไปได้ด้วยดี หลังจากเดาทางอาจารย์พอได้ นั่งฟัง lecture ไป ก็คิดว่าตรงไหนที่อาจารย์เน้น ตรงไหนที่สำคัญ เราก็จดมา แล้วพยายามทำความเข้าใจ
นอกเหนือจากการเรียน อีกสิ่งหนึ่งที่เหมือนเป็นส่วนเติมเต็มของชีวิตการเรียนก็คือ กิจกรรมคณะ
แรงบันดาลใจที่ทำให้ได้เข้ามาทำกิจกรรมคณะก็คือ คำพูดจากนายช่างคนหนึ่ง บอกว่า "เวลา 4 ปี ในคณะฯ อยากให้ใช้ให้คุ้มค่า ดูสิ่งที่นอกเหนือจากการเรียนด้วย เช่น พวก กิจกรรม, กีฬา, ดนตรี"
(คณะเรามีประเพณี ให้นิสิตจบ ป.ตรี ใหม่ๆ หรือ "นายช่าง" มาบอกเล่าข้อคิดให้น้อง Freshy เข้าใหม่ฟัง เป็นเหมือนการอำลา นายช่างจบใหม่ไปในตัวด้วย ผมนั่งฟัง อยู่ดีๆ ยังซึ้ง เกือบร้องไห้ ตามนายช่างจบใหม่เฉยเลย ทั้งๆที่ ไม่รู้จัก พี่ๆ นายช่าง ซํกกะคน)
กิจกรรมคณะที่ทำก็เข้าร่วมกับเขาทุกอย่าง ตามที่รุ่นพี่จะสรรหากิจกรรมมาให้ทำ รู้สึกว่าชีวิตมีรสชาติขึ้นมาอีกแบบนึง เป็นรสชาติที่ไม่เคยเจอมาก่อน ภาพกิจกรรมหลายๆ อย่าง ยังอยู่ในความทรงจำมาจนถึงทุกวันนี้ ^^
Sophomore
ทำกิจกรรมคณะเต็มที่
วันแห่งความร้อน
ไม่ได้อ่านหนังสือเข้าสอบ
Junior
เพื่อนๆ ดันให้เป็น หน.นิสิต ชั้นปีที่ 3
ทีมงานที่น่ารัก
ความเข้มข้นอยู่ที่ภาค 3
Senior
ปีนี้ลดบทบาทตัวเอง มาเป็น ผี เฝ้าตึกกิจการนิสิตฯ คอยช่วยเหลือเพื่อนๆ ในการทำกิจกรรมคณะ เท่าที่ช่วยได้ หลักๆ ก็ค้นหาตัวเอง (ตอนนี้ก็ยังค้นหาอยู่)
โดยสรุป ปริญญาตรี ได้สอนอะไรหลายๆ อย่าง
นอกเหนือจากวิชาความรู้ให้มาประกอบวิชาเลี้ยงชีพ เลี้ยงครอบครัวได้